หากนั่งรถไปตามทางหลวงหมายเลข 42 สายปัตตานี –นราธิวาส ผ่านสถานีตำรวจยุทธศาสตร์ตำบลตะปอเยาะ จุดตรวจหลักก่อนเข้าสู่ตัวอำเภอยี่งอแค่ไม่กี่กิโลเมตร ก็จะพบร้านข้าวยำยาโงะตั้งตระหง่านอยู่ริมทาง หน้าร้านเต็มไปด้วยรถรานานาชนิดของลูกค้าที่จอดแวะชิม าวยำยาโงะมีสูตรเด็ดไม่เหมือนเจ้าอื่นๆ และการันตีด้วยรางวัลชนะเลิศของจังหวัด เป็นอาหารจานเด็ดจากชายแดนใต้ที่ได้รับเลือกให้นำขึ้นทูลเกล้าฯถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แทบทุกครั้งที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรหรือปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่จังหวัดนราธิวาส ยังความปลื้มปีติให้กับ ฮับเสาะ เปาะกา หรือ “ก๊ะหลง” สาววัยกลางคน เจ้าของร้านข้าวยำยาโงะเป็นล้นพ้น
“คำว่ายาโงะเป็นชื่อหมู่บ้าน หมู่ 5 ของตำบลลูโบะบือซา พื้นเพก๊ะเป็นคนที่นั่น ก็เลยตั้งชื่อร้านข้าวยำตามชื่อหมู่บ้าน และเมื่อปี 2540 ก๊ะได้ส่งข้าวยำยาโงะเข้าประกวดในงานของดีเมืองนราฯ แล้วได้ถ้วยรางวัลชนะเลิศของจังหวัด ทำให้รู้สึกมีกำลังใจ จึงตัดสินใจเปิดร้านขายข้าวยำ” ฮับเสาะ ซึ่งคลุมฮิญาบสีส้มขับใบหน้าวัย 40 กะรัตของเธอให้ดูสดใส เล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดี

แทบไม่ต้องจาระไนว่ากิจการร้านข้าวยำยาโงะดีขนาดไหน เพราะจากเดิมที่เคยทำกันแค่คนสองคน ปัจจุบันมีเด็กช่วยงานในร้านถึง 15 คน ใกล้เที่ยง...ลูกค้าจะทยอยเข้ามานั่งจองโต๊ะและสั่งอาหารกับเครื่องดื่มอย่างไม่ขาดสาย
“ความอร่อยของข้าวยำยาโงะอยู่ที่เครื่องปรุง โดยเฉพาะมะพร้าวกับน้ำบูดู โดยมะพร้าวของเจ้าอื่นจะแห้ง แค่มากวนในกระทะพอเริ่มเหลืองก็ยกลง แต่มะพร้าวของก๊ะจะเปียกกว่า และผ่านการปรุงหลายขั้นตอน ต้องนำน้ำตาลแว่น ตะไคร้ และหัวหอมมาคลุกเคล้ากันจนเข้มข้น ทั้งหมดที่ก๊ะทำเป็นสูตรโบราณ คิดเอง ทำเอง ไม่ได้ไปฝึกกับใครที่ไหน” ฮับเสาะ เผยเคล็ดลับที่ทำให้ทุกคนที่เคยชิมต้องติดใจ
“ส่วนน้ำบูดูจะต้องไม่มีกลิ่น วิธีทำต้องใช้เวลาตั้งเคี่ยวอยู่บนเตาประมาณ 4 ชั่วโมงถึงจะยกลงได้ และน้ำบูดูต้องเป็นของสายบุรี (อำเภอหนึ่งในจังหวัดปัตตานี) ที่เป็นสินค้าโอท็อปเท่านั้น แม้ราคาจะสูงหน่อยก็ไม่เป็นไร เพราะถ้าเอาน้ำบูดูราคาถูกมาทำ รสชาติจะไม่ค่อยดี เราเน้นที่ความอร่อยและความมีมาตรฐานมากกว่า” ฮับเสาะเล่าพลางห่อข้าวยำให้ลูกค้าจากปัตตานี
แม้ร้านข้าวยำยาโงะจะเป็นร้านอาหารยอดนิยมในนราธิวาส แต่ก็หนีไม่พ้นได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่พุ่งไปแตะ 2 ลิตรร้อย
ผลกระทบอย่างหลังยังพอจะแก้ไขได้ด้วยการขยับราคาข้าวยำจากห่อละ 5 บาทเป็น 10 บาท ซึ่งลูกค้าก็เข้าใจ แต่ผลกระทบจากไฟใต้ยังแก้ไม่ตก
“เมื่อก่อนก๊ะขายตั้งแต่10 โมงเช้าถึงเที่ยงคืนทุกวัน ขายโดยไม่มีวันหยุด คนจะเยอะมาก ยิ่งกลางคืนด้วยแล้วถ้ามีโปรแกรมถ่ายทอดสดฟุตบอล คนจะมาเชียร์และกินข้าวกันที่นี่ แต่พอมีเหตุการณ์ความไม่สงบเข้ามา ทำให้ก๊ะเปิดขายได้แค่ 4 ทุ่ม เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีลูกค้าแล้ว”

ฮับเสาะ บอกอย่างปลงๆ ว่า ทุกวันนี้ได้แต่ขอพรจากพระเจ้าเพื่อให้เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นยุติลงเสียที ทุกคนจะได้ทำงานหาเลี้ยงชีพอย่างไม่ต้องกังวลและหวาดกลัว
ส่วนความรู้สึกของลูกค้าต่างยกย่อง “ข้าวยำยาโงะ” ว่าเป็นสุดยอดข้าวยำชายแดนใต้จริงๆ
ซูไฮมิง ดอนิแม ผู้ใหญ่บ้านจากอำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ที่แวะกินข้าวยำระหว่างเดินทางไปทำธุระที่หาดใหญ่กับสมาชิกในครอบครัวอีก 5 คน บอกว่า กับข้าวที่นี่อร่อยทุกอย่าง อร่อยกว่าที่อื่น ทุกครั้งที่ผ่านมาทางนี้ต้องหยุดแวะกินทุกที โดยเมนูที่ต้องสั่งทุกครั้งคือข้าวยำกับซุป
“ข้าวยำยาโงะมีหลายรสชาติ ทั้งเปรี้ยว เค็ม หวาน หอม กลมกล่อมพอดีกัน และรสชาติ เป็นมาตรฐาน ผ่านไปกี่ปีๆ เจ้าของร้านก็ยังรักษาระดับคุณภาพเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ใครๆ ก็พูดว่าข้าวยำยาโงะของยี่งออร่อย ที่อื่นสู้ไม่ได้ และของกินเกือบทุกอย่างในร้านก็อร่อยหมด อร่อยจริงๆ ไม่เชื่อลองดู” ผู้ใหญ่บ้านซูไฮมิง กล่าวพร้อมยกนิ้วโป้งยืนยัน

อย่างไรก็ตาม กลุ่มวัยรุ่นยอมรับเหมือน ฮับเสาะ เจ้าของร้านว่า จากสถานการณ์ความรุนแรงทำให้ร้านข้าวยำเงียบเหงาไปเยอะ
“เดี๋ยวนี้ตอนกลางคืนค่อนข้างจะเงียบ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่พวกผมจะมานั่งกินน้ำชา และเชียร์บอลถึงเที่ยงคืนเป็นประจำ แต่ปัจจุบันกลางคืนออกไปไหนไม่ค่อยได้แล้ว เดี๋ยวตำรวจเหมาว่าเป็นแนวร่วมจะยุ่งกันใหญ่ จึงออกมากินเฉพาะตอนกลางวันเท่านั้น” เด็กหนุ่มกล่าว
ผ่านช่วงเที่ยงไปแล้ว ดวงอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนต่ำลงไปแตะขอบฟ้า ร้านข้าวยำยาโงะเริ่มคลายความพลุกพล่านลง แต่ก็ยังเปิดบริการเพื่อความอิ่มท้องของลูกค้าต่อไป...
ก็ได้แต่หวังว่า สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะสิ้นเสียงระเบิดและปลอดควันปืนเร็วๆ ผู้คนจะได้ใช้ชีวิตกันอย่างปกติสุข กินอยู่ หลับนอนอย่างไม่ต้องหวาดภัยได้เสียที.